Meta เปิดตัว Llama 3.2 แบบ Open Source

Meta เปิดตัว Llama 3.2 AI รุ่นใหม่ที่ทำงานบนมือถือได้ มีทั้งหมด 4 รุ่น สามารถวิเคราะห์ภาพและข้อความ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้มี AI ส่วนตัวบนอุปกรณ์ โดยไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์

Meta เปิดตัว Llama 3.2 แบบ Open Source

Key takeaway

  • Meta เปิดตัว Llama 3.2 ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่ที่สามารถประมวลผลทั้งข้อความและรูปภาพได้ โดยมีทั้งหมด 4 รุ่น ตั้งแต่โมเดลขนาดเล็ก 1B parameters ไปจนถึงโมเดลขนาดใหญ่ 90B parameters
  • Llama 3.2 บางเวอร์ชันสามารถทำงานบนสมาร์ทโฟนได้โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้มี AI ส่วนตัวบนอุปกรณ์ของตนเองโดยไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
  • Meta ใช้เทคนิคขั้นสูงอย่าง structured pruning และ knowledge distillation ในการพัฒนา Llama 3.2 ทำให้ได้โมเดลขนาดกะทัดรัดที่มีประสิทธิภาพสูง และยังร่วมมือกับบริษัทชั้นนำด้านฮาร์ดแวร์เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนชิปมือถือ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Meta ได้เปิดตัว Llama 3.2 ซึ่งเป็นการอัพเกรดครั้งสำคัญของ large language model ระดับแนวหน้าของบริษัท โดยไม่เพียงแต่สามารถโต้ตอบด้วยข้อความได้เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการประมวลผลภาพอีกด้วย

สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ บางเวอร์ชันของ Llama 3.2 สามารถทำงานบนสมาร์ทโฟนได้โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้อาจสามารถมี AI แบบส่วนตัวสำหรับการโต้ตอบ แอปพลิเคชัน และการปรับแต่งต่างๆ บนอุปกรณ์ของตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบุคคลที่สาม

Llama 3.2 ที่เปิดตัวในงาน Meta Connect มีทั้งหมด 4 รุ่น โดยแต่ละรุ่นมีความสามารถแตกต่างกัน รุ่นที่ทรงพลังที่สุดคือโมเดลขนาด 11B และ 90B parameters ซึ่งสามารถประมวลผลทั้งข้อความและรูปภาพได้

โมเดลเหล่านี้สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้ เช่น การวิเคราะห์แผนภูมิ การเขียนคำบรรยายภาพ และแม้แต่การระบุวัตถุในภาพตามคำอธิบายที่เป็นภาษาธรรมชาติ

นอกจากนี้ Meta ยังได้แนะนำโมเดลขนาดเล็กอีกสองรุ่น คือโมเดลขนาด 1B และ 3B parameters ซึ่งออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพ ความเร็ว และงานที่จำกัดแต่ทำซ้ำๆ โดยไม่ต้องการการคำนวณมากนัก

โมเดลขนาดเล็กเหล่านี้เป็น multilingual text maestros ที่มีความสามารถในการ "tool-calling" ซึ่งหมายความว่าสามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือการเขียนโปรแกรมได้ดียิ่งขึ้น แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็มี context window ขนาด 128K tokens ซึ่งเทียบเท่ากับ GPT-4 และโมเดลทรงพลังอื่นๆ ทำให้เหมาะสำหรับงานสรุปความ การทำตามคำสั่ง และการเขียนใหม่บนอุปกรณ์

ทีมวิศวกรของ Meta ได้ใช้เทคนิคทางดิจิทัลที่ซับซ้อนเพื่อพัฒนา Llama 3.2 โดยเริ่มจากการใช้ structured pruning เพื่อตัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกจากโมเดลขนาดใหญ่ จากนั้นใช้ knowledge distillation เพื่อถ่ายทอดความรู้จากโมเดลขนาดใหญ่ไปยังโมเดลขนาดเล็กเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ที่ได้คือชุดของโมเดลขนาดกะทัดรัดที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน โดยเอาชนะโมเดลอื่นๆ รวมถึง Google's Gemma 2 2.6B และ Microsoft's Phi-2 2.7B ในหลาย benchmarks

Meta ยังได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำด้านฮาร์ดแวร์อย่าง Qualcomm, MediaTek และ Arm เพื่อให้แน่ใจว่า Llama 3.2 จะทำงานร่วมกับชิปมือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการ cloud ชั้นนำอย่าง AWS, Google Cloud, Microsoft Azure และอื่นๆ ก็กำลังเสนอการเข้าถึงโมเดลใหม่นี้บนแพลตฟอร์มของตนเองด้วย

ความสามารถด้านการมองเห็นของ Llama 3.2 มาจากการปรับแต่งสถาปัตยกรรมอย่างชาญฉลาด โดยวิศวกรของ Meta ได้เพิ่ม adapter weights ลงบน language model ที่มีอยู่ เพื่อเชื่อมโยงระหว่าง pre-trained image encoders และ text-processing core ทำให้โมเดลสามารถประมวลผลทั้งข้อความและภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Llama 3.2 เปิดตัวในรูปแบบ Open Source ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จาก Llama.com และ Hugging Face รวมถึงผ่านระบบนิเวศของพันธมิตรที่กว้างขวางของ Meta ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งานบน cloud ผ่าน Google Colab Notebook หรือใช้ Groq สำหรับการโต้ตอบแบบข้อความ

จากการทดสอบ Llama 3.2 พบว่ามีความสามารถโดดเด่นในการวิเคราะห์ภาพและระบุองค์ประกอบเชิงอัตวิสัย รวมถึงการอ่านข้อความในภาพขนาดใหญ่ได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดบางประการในการประมวลผลภาพคุณภาพต่ำและการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน

โดยสรุป Llama 3.2 ถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในวงการ AI แบบเปิดเผยซอร์สโค้ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการทำงานบนอุปกรณ์ส่วนตัว ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการใช้งาน AI แบบส่วนตัวและในเครื่องได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นในอนาคต

Why it matters

💡
บทความนี้นำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดในวงการ AI แบบเปิดเผยซอร์สโค้ด โดยเฉพาะการเปิดตัว Llama 3.2 จาก Meta ซึ่งมีความสามารถทั้งด้านการประมวลผลข้อความและภาพ รวมถึงสามารถทำงานบนสมาร์ทโฟนได้ ผู้อ่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ ความสามารถที่หลากหลาย และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน ทำให้เข้าใจแนวโน้มและโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

ข้อมูลอ้างอิงจาก https://decrypt.co/283308/meta-unveils-open-source-llama-ai-fits-in-your-pocket

Read more

AWS ที่ทำให้อินเทอร์เน็ตล่มเกิดขึ้นหลังจาก Amazon เลิกจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อใช้ AI แทน

news

AWS ที่ทำให้อินเทอร์เน็ตล่มเกิดขึ้นหลังจาก Amazon เลิกจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อใช้ AI แทน

AWS ประสบปัญหาระบบล่มครั้งใหญ่ ส่งผลให้บริการออนไลน์ทั่วโลกหยุดชะงัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก Amazon เลิกจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อนำ AI มาใช้แทน สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป

By
อเมซอนเปิดตัวต้นแบบแว่นตาอัจฉริยะ AI สำหรับพนักงานส่งของ

news

อเมซอนเปิดตัวต้นแบบแว่นตาอัจฉริยะ AI สำหรับพนักงานส่งของ

Amazon เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะ Amelia ที่ใช้ AI ช่วยพนักงานส่งของทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มาพร้อมกล้องและจอแสดงผลในตัว ทำงานร่วมกับเสื้อกั๊กพิเศษ กำลังทดสอบกับพันธมิตรหลายราย

By
Meta ปลดพนักงาน 600 ตำแหน่งในห้องปฏิบัติการ AI Superintelligence

news

Meta ปลดพนักงาน 600 ตำแหน่งในห้องปฏิบัติการ AI Superintelligence

Meta ประกาศปลดพนักงาน 600 ตำแหน่งในแผนก Superintelligence Labs เพื่อลดความซับซ้อนขององค์กร แต่ยืนยันว่ายังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI และจะเร่งจ้างนักวิจัยใหม่ในทีม TBD

By
Target ใช้ AI สร้างความแตกต่างในธุรกิจค้าปลีก

news

Target ใช้ AI สร้างความแตกต่างในธุรกิจค้าปลีก

Target เดินหน้าใช้ AI ปฏิวัติธุรกิจค้าปลีก ผ่านแพลตฟอร์ม Target Trend Brain วิเคราะห์เทรนด์ตลาด พร้อมพัฒนาระบบคัดกรองผู้ขายและยกระดับทักษะพนักงานทั่วองค์กร เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด

By