Google Photos เปิดตัวระบบ Digital Watermark "SynthID" สำหรับภาพที่แต่งด้วย AI

Google Photos เปิดตัวระบบลายน้ำดิจิทัล SynthID พัฒนาโดยทีม DeepMind สำหรับระบุภาพที่ผ่านการแต่งด้วย Magic Editor ช่วยให้ผู้ใช้แยกแยะภาพที่สร้างด้วย AI ได้ชัดเจนขึ้น แม้จะยังมีข้อจำกัดบางประการ

Google Photos เปิดตัวระบบ Digital Watermark "SynthID" สำหรับภาพที่แต่งด้วย AI

Key takeaway

  • SynthID เป็นระบบ Digital Watermark ตัวใหม่จาก Google DeepMind ที่จะถูกนำมาใช้กับ Google Photos เพื่อระบุภาพที่ผ่านการแต่งด้วย AI โดยจะฝัง metadata tag ลงในสื่อต่างๆ ทั้งภาพ วิดีโอ เสียง และข้อความ
  • ระบบนี้มีข้อจำกัดคือไม่ได้เปลี่ยนแปลงภาพที่มองเห็นด้วยตาเปล่า และต้องใช้เครื่องมือตรวจจับ AI เฉพาะในฟีเจอร์ "About this image" ของ Google เท่านั้น อีกทั้งการแก้ไขขนาดเล็กอาจไม่สามารถตรวจจับได้
  • ผู้เชี่ยวชาญมองว่าแม้เทคโนโลยี watermark จะมีประโยชน์ แต่การใช้วิธีเดียวอาจไม่เพียงพอในการตรวจสอบเนื้อหาที่สร้างด้วย AI จำเป็นต้องมีการผสมผสานวิธีการหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน

Google Photos กำลังอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ด้วยระบบ watermark ดิจิทัลที่มีชื่อว่า SynthID สำหรับรูปภาพที่ผ่านการแต่งด้วย Magic Editor ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ generative AI โดยฟีเจอร์นี้จะเริ่มใช้งานได้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถแยกแยะภาพที่ผ่านการปรับแต่งด้วยฟีเจอร์ "reimagine" ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

SynthID เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยทีม DeepMind ของ Google ทำหน้าที่ฝัง digital metadata tag ลงในสื่อประเภทต่างๆ ทั้งภาพ วิดีโอ เสียง และข้อความ เพื่อระบุว่าเนื้อหานั้นผ่านการสร้างหรือแก้ไขด้วย AI หรือไม่ ระบบนี้ถูกนำมาใช้กับภาพทั้งหมดที่สร้างด้วยโมเดล Imagen text-to-image ของ Google ขณะที่บริษัทคู่แข่งอย่าง Adobe ก็มีระบบที่คล้ายกันชื่อ Content Credentials สำหรับงานที่สร้างผ่านแอพใน Creative Cloud

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าฟีเจอร์ reimagine บน Google Pixel 9 สามารถแต่งภาพได้สมจริงเพียงแค่พิมพ์คำอธิบายสิ่งที่ต้องการ แม้ว่า Magic Editor จะถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไป แต่ก็สามารถสร้างภาพที่อาจก่อปัญหาได้ เช่น ภาพเฮลิคอปเตอร์ตก อุปกรณ์เสพติด หรือศพ โดยไม่มีเครื่องหมายบ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นภาพที่สร้างด้วย AI

แม้ว่า Google จะเริ่มติด tag ภาพที่แก้ไขด้วย AI ในคำอธิบายไฟล์บน Google Photos ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ระบบ watermark ใหม่นี้ยังมีข้อจำกัด เช่น SynthID ไม่ได้เปลี่ยนแปลงภาพที่มองเห็นด้วยตาเปล่า และต้องใช้เครื่องมือตรวจจับ AI เฉพาะในฟีเจอร์ "About this image" ของ Google เท่านั้น นอกจากนี้ การแก้ไขบางอย่างที่มีขนาดเล็กเกินไปอาจไม่สามารถถูกตรวจจับได้

ผู้เชี่ยวชาญในวงการมีความเห็นตรงกันว่า แม้เทคโนโลยี watermark จะมีประโยชน์ แต่การใช้เพียงวิธีเดียวอาจไม่เพียงพอในการตรวจสอบเนื้อหาที่สร้างด้วย AI ในวงกว้าง จำเป็นต้องมีการผสมผสานวิธีการหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน

Why it matters

💡 ข่าวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานรูปภาพดิจิทัลทุกคน เนื่องจากเป็นการอัพเดทล่าสุดจาก Google Photos ที่นำเสนอระบบ SynthID ซึ่งเป็นเทคโนโลยี watermark ดิจิทัลที่จะช่วยให้เราแยกแยะภาพที่ผ่านการแต่งด้วย AI ได้ชัดเจนขึ้น ในยุคที่ภาพปลอมและการแต่งภาพด้วย AI กำลังเป็นประเด็นร้อนในสังคม ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการรับมือกับข้อมูลดิจิทัลในอนาคต

ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.theverge.com/news/607515/google-photossynthid-ai-watermarks-magic-editor

Read more

AI chatbot ต้องการหนังสือมากขึ้นเพื่อการเรียนรู้

news

AI chatbot ต้องการหนังสือมากขึ้นเพื่อการเรียนรู้

ห้องสมุดฮาร์วาร์ดและบอสตันเปิดคลังหนังสือเก่าแก่ให้ AI เข้าถึงเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ โดยมีหนังสือกว่า 1 ล้านเล่มใน 254 ภาษา เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับการพัฒนา AI ในอนาคต

By
โฆษณาที่สร้างด้วย AI มูลค่า $2,000 ออกอากาศระหว่างรอบชิงชนะเลิศ NBA

news

โฆษณาที่สร้างด้วย AI มูลค่า $2,000 ออกอากาศระหว่างรอบชิงชนะเลิศ NBA

โฆษณาที่สร้างด้วย AI มูลค่าเพียง $2,000 ออกอากาศในรอบชิงชนะเลิศ NBA โดยใช้ Veo 3 จาก Google ผลิตในเวลาเพียง 2-3 วัน สะท้อนให้เห็นอนาคตของการผลิตสื่อโฆษณาที่กำลังเปลี่ยนแปลง

By
บริษัทผู้ผลิตบาร์บี้ Mattel จับมือกับ OpenAI พัฒนาของเล่นที่ขับเคลื่อนด้วย AI

news

บริษัทผู้ผลิตบาร์บี้ Mattel จับมือกับ OpenAI พัฒนาของเล่นที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Mattel ประกาศจับมือ OpenAI พัฒนาของเล่นที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงแบรนด์ดังอย่าง Barbie และ Hot Wheels โดยเน้นความปลอดภัยและความเหมาะสมกับวัย พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกภายในปีนี้

By
CEO ของ Klarna เชื่อว่า AI จะแทนที่งานจำนวนมากจนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่

news

CEO ของ Klarna เชื่อว่า AI จะแทนที่งานจำนวนมากจนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่

CEO Klarna เผยมุมมองว่า AI จะแทนที่งานออฟฟิศจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ก่อนหน้านี้บริษัทล้มเหลวในการใช้ AI แทนพนักงานบริการลูกค้า 700 ตำแหน่ง เนื่องจากคุณภาพงานต่ำกว่า

By