การใช้ ChatGPT เชื่อมโยงกับการลดลงของความสามารถในการคิด
ผลวิจัยจาก MIT ชี้ผู้ใช้ ChatGPT มีการทำงานของสมองต่ำกว่ากลุ่มที่ใช้ Google และกลุ่มที่ไม่ใช้เครื่องมือช่วย สะท้อนผลกระทบด้านลบต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน

Key takeaway
- ผลการวิจัยจาก MIT พบว่าผู้ที่ใช้ ChatGPT เป็นระยะเวลานานมีการทำงานของสมองต่ำที่สุด และมีประสิทธิภาพด้อยลงทั้งในด้านประสาท ภาษาศาสตร์ และพฤติกรรม เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ Google Search และกลุ่มที่ไม่ใช้เครื่องมือช่วยใดๆ
- นักวิจัยแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อสมองที่กำลังพัฒนาของเด็ก และเตือนว่าการนำ ChatGPT มาใช้ในการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลอาจเป็นอันตราย
- แม้จะมีผลการวิจัยที่น่ากังวล แต่ภาครัฐยังคงผลักดันการใช้ AI ในการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมแรงงานรุ่นใหม่สำหรับอนาคตที่ AI จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น
งานวิจัยใหม่ชี้ให้เห็นว่า ChatGPT อาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของผู้ใช้ในระยะยาว
นักวิจัยจาก Media Lab ของ MIT ได้ทำการทดลองโดยให้ผู้เข้าร่วมเขียนเรียงความแบบ SAT แบ่งเป็นสามกลุ่ม - กลุ่มที่ใช้ ChatGPT ของ OpenAI, กลุ่มที่ใช้เสิร์ชเอนจินของ Google และกลุ่มที่ไม่ใช้เครื่องมือช่วยใดๆ (กลุ่ม "brain-only") โดยมีการตรวจวัดกิจกรรมสมองของผู้เขียนด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) ในหลายบริเวณ
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ใช้ ChatGPT เป็นระยะเวลาหลายเดือนมีการทำงานของสมองต่ำที่สุด และ "มีประสิทธิภาพต่ำกว่าทั้งในระดับประสาท ภาษาศาสตร์ และพฤติกรรม" ตามที่ระบุในรายงานการวิจัย
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า กลุ่มที่ใช้ ChatGPT เริ่มต้นด้วยการใช้ Large Language Model (LLM) เพื่อสอบถามเกี่ยวกับโครงสร้างสำหรับเรียงความ แต่เมื่อใกล้สิ้นสุดการศึกษา พวกเขามีแนวโน้มที่จะคัดลอกและวางเนื้อหาเรียงความมากขึ้น
สำหรับผู้ที่ใช้เสิร์ชเอนจินของ Google พบว่ามีการทำงานของสมองในระดับปานกลาง ในขณะที่กลุ่ม "brain-only" แสดงให้เห็นถึง "เครือข่ายสมองที่แข็งแกร่งและครอบคลุมกว้างที่สุด"
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการใช้ LLM อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของความคิดของผู้ใช้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่อายุน้อย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่นักการศึกษากำลังพยายามหาวิธีการสอนในยุคที่ AI สามารถเข้าถึงได้ง่ายและอาจถูกนำมาใช้ในการโกง
"สิ่งที่จูงใจให้ฉันเผยแพร่งานวิจัยนี้ก่อนที่จะรอการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างเต็มรูปแบบคือ ฉันกลัวว่าในอีก 6-8 เดือน จะมีผู้กำหนดนโยบายบางคนตัดสินใจว่า 'มาทำ GPT kindergarten กันเถอะ' ฉันคิดว่านั่นจะเป็นเรื่องที่แย่มากและเป็นอันตราย" Nataliya Kosmyna ผู้เขียนหลักของการศึกษากล่าวกับ TIME "สมองที่กำลังพัฒนามีความเสี่ยงสูงที่สุด"
อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ในวงการศึกษาไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารที่มุ่งผลักดันการนำ AI เข้าไปใช้ในห้องเรียนของสหรัฐฯ
"แนวคิดพื้นฐานของคำสั่งบริหารนี้คือการรับรองว่าเราฝึกอบรมแรงงานในอนาคตอย่างเหมาะสม โดยการรับรองว่านักเรียน ชาวอเมริกันรุ่นใหม่ ได้รับการฝึกอบรมเครื่องมือ AI อย่างเพียงพอ เพื่อให้พวกเขาสามารถแข่งขันในเศรษฐกิจในอีกหลายปีข้างหน้าได้ เมื่อ AI กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ" Will Scharf เลขานุการฝ่ายบุคลากรของทำเนียบขาวกล่าวในเวลานั้น
Why it matters
💡 ข่าวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจผลกระทบของ AI ต่อการพัฒนาทักษะการคิด โดยเฉพาะในยุคที่ ChatGPT กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง งานวิจัยจาก MIT นี้นำเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าตกใจเกี่ยวกับผลเสียของการพึ่งพา AI มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาสมองและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ปกครอง นักการศึกษา และผู้กำหนดนโยบายในการพิจารณาการใช้ AI ในการศึกษาอย่างเหมาะสม
ข้อมูลอ้างอิงจาก https://thehill.com/policy/healthcare/5360220-chatgpt-use-linked-to-cognitive-decline-mit-research/?utm_source=flipboard&utm_content=topic/chatgpt