Meta ปลดพนักงาน 600 ตำแหน่งในห้องปฏิบัติการ AI Superintelligence
Meta ประกาศปลดพนักงาน 600 ตำแหน่งในแผนก Superintelligence Labs เพื่อลดความซับซ้อนขององค์กร แต่ยืนยันว่ายังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI และจะเร่งจ้างนักวิจัยใหม่ในทีม TBD
Key takeaway
- เมต้าประกาศปลดพนักงานประมาณ 600 ตำแหน่งในแผนก Superintelligence Labs ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI
- มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI โดยได้ลงทุนกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ใน ScaleAI และดึงผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ชั้นนำจากบริษัทคู่แข่งมาร่วมงาน พร้อมเสนอค่าตอบแทนสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์
- เมต้าประกาศยกเลิกการเข้าถึง ChatGPT บน WhatsApp ตั้งแต่ปีหน้า โดยให้เหตุผลว่าบริษัทคู่แข่งใช้ฟีเจอร์การส่งข้อความทางธุรกิจเกินขอบเขตที่กำหนด สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในอุตสาหกรรม AI
Meta ประกาศเมื่อวันพุธว่าบริษัทได้ปลดพนักงานประมาณ 600 ตำแหน่งในแผนก AI ตามบันทึกที่ส่งถึงพนักงานและถูกส่งต่อไปยัง The New York Times ขณะที่บริษัทพยายามรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยี AI
การปลดพนักงานเกิดขึ้นใน "Superintelligence Labs" ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รวมความพยายามด้าน AI ทั้งหมดของบริษัท โดยแผนกนี้มีพนักงานประมาณ 3,000 คน แม้ว่าตัวเลขที่แน่ชัดยังไม่มีการเปิดเผย
Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้เร่งจ้างนักวิจัย AI ชั้นนำในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง Alexandr Wang ซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่ง Chief AI Officer เมื่อต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม การปลดพนักงานครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงานใหม่เหล่านี้ ซึ่งมีหน้าที่พัฒนา "superintelligence" หรือ AI ที่มีความสามารถเหนือกว่าสมองมนุษย์
การปรับโครงสร้างครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนขององค์กรที่เกิดจากการขยายทีม AI อย่างรวดเร็วในช่วงสามปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้ Meta สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Wang เขียนในบันทึกถึงพนักงานว่า "การลดขนาดทีมจะทำให้กระบวนการตัดสินใจต้องการการสนทนาน้อยลง และแต่ละคนจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น มีขอบเขตและผลกระทบที่กว้างขึ้น"
การปลดพนักงานเกิดขึ้นในช่วงที่มีการแข่งขันสูงสำหรับ Meta ซึ่งพยายามปรับตัวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI หลังจาก ChatGPT เปิดตัวในปี 2022 บริษัทอย่าง OpenAI, Google และ Microsoft ต่างเร่งจ้างพนักงานเพื่อพัฒนา AI chatbot รุ่นใหม่และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
Meta เจ้าของ Facebook, Instagram และ WhatsApp พยายามตามให้ทันคู่แข่ง หลังจากประสบความสำเร็จในช่วงแรกกับการพัฒนาโมเดล AI แบบ open-source ที่ชื่อ Llama แต่ความก้าวหน้าของบริษัทชะลอตัวลงเนื่องจากการจ้างพนักงานที่เร่งรีบและข้อผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ ส่งผลให้เกิดปัญหาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา
หลังจากผลงานที่ไม่ราบรื่นในครึ่งปีแรก Zuckerberg ได้เริ่มต้นความพยายามด้าน AI ครั้งใหม่ โดยในเดือนมิถุนายน เขาลงทุน 14.3 พันล้านดอลลาร์ใน ScaleAI ซึ่งเป็น startup ด้าน AI ที่ Wang เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง จากนั้น Zuckerberg ได้ดึงทีมผู้บริหารระดับสูงของ ScaleAI มาร่วมงานที่ Superintelligence Labs ของ Meta รวมถึง Wang ด้วย
นอกจากนี้ Zuckerberg ยังทุ่มงบหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อดึงนักวิจัยชั้นนำจากห้องปฏิบัติการ AI และบริษัทคู่แข่งอย่าง OpenAI, Google และ Microsoft โดย Meta เสนอแพ็คเกจค่าตอบแทนให้บางคนสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์
เมื่อเดือนสิงหาคม Zuckerberg ได้แบ่ง Meta Superintelligence ออกเป็นสี่กลุ่ม ได้แก่ FAIR ซึ่งมุ่งเน้นการวิจัย AI, กลุ่มที่ทำงานด้าน superintelligence, กลุ่มผลิตภัณฑ์ และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์ AI
การปลดพนักงานครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อพนักงานในแผนก FAIR, แผนกผลิตภัณฑ์ และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ตามบันทึกของ Wang พนักงานที่ถูกปลดได้รับแจ้งทางอีเมลภายในเวลา 10.00 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ โดยบริษัทมีแผนจะหาตำแหน่งอื่นภายในบริษัทให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ทีม TBD ซึ่งเป็นทีมที่พัฒนา superintelligence และจัดการโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ Meta ที่ขับเคลื่อน chatbot และผลิตภัณฑ์ AI อื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากการปลดพนักงานครั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าจ้างนักวิจัย AI ในหน่วย TBD ซึ่งบริหารโดย Wang
ผู้บริหารของ Meta ย้ำว่าการปลดพนักงานไม่ได้หมายความว่าบริษัทกำลังลดความสำคัญของการพัฒนาด้าน AI และ superintelligence ยังคงเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญสูงสุดของ Zuckerberg
ในสัญญาณของการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในอุตสาหกรรม AI, Meta ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่าจะยกเลิกการเข้าถึง chatbot ที่ไม่ใช่ของ Meta เช่น ChatGPT ของ OpenAI บน WhatsApp เริ่มตั้งแต่ปีหน้า ส่งผลให้ผู้ใช้ WhatsApp กว่าสามพันล้านคนจะไม่สามารถใช้ ChatGPT ผ่านแอปข้อความได้อีกต่อไป
Meta ให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเพราะ OpenAI และบริษัทอื่นๆ ใช้ฟีเจอร์การส่งข้อความทางธุรกิจเกินขอบเขตที่ตั้งใจไว้สำหรับการบริการลูกค้า ซึ่ง OpenAI ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
Kevin Weil รองประธานฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า "ยากที่จะเชื่อว่า Meta กำลังปิด 1-800-CHATGPT ซึ่งมีผู้ใช้ที่มีความสุขหลายล้านคน หากคุณเป็นหนึ่งในนั้น คุณสามารถย้ายไปใช้แอป เว็บไซต์ และเบราว์เซอร์ของเราเพื่อเก็บรักษาการสนทนาของคุณไว้"
Why it matters
💡 ข่าวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ติดตามวงการเทคโนโลยี AI เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในกลยุทธ์ด้าน AI ของ Meta และการแข่งขันที่เข้มข้นในอุตสาหกรรม การปลดพนักงาน 600 ตำแหน่งในห้องปฏิบัติการ AI Superintelligence ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อพนักงานเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI และรักษาความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง OpenAI, Google และ Microsoft
ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.nytimes.com/2025/10/22/technology/meta-plans-to-cut-600-jobs-at-ai-superintelligence-labs.html?utm_source=flipboard&utm_content=other