ทำความรู้จักกับ Generative AI คืออะไร ? ส่งผลกระทบต่อเราอย่างไรบ้าง

Generative AI ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และนวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรม ในบทความนี้ พวกเราจะคุณไปรู้จักกับ Generative AI นี้กัน

ทำความรู้จักกับ Generative AI คืออะไร ? ส่งผลกระทบต่อเราอย่างไรบ้าง

Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ เป็นเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการสร้างเนื้อหาใหม่ๆ ที่คล้ายคลึงกับที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ หรือโค้ด โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และเครือข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) ในการประมวลผลและสร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่เดิม

Generative AI ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเปิดตัวของ ChatGPT ซึ่งเป็นแชทบอทที่สามารถสนทนาโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และนวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรม เช่น การตลาด การพัฒนาซอฟต์แวร์ การบริการลูกค้า และการออกแบบผลิตภัณฑ์

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ Generative AI ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานในธุรกิจ เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนถึงศักยภาพและประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้ในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและสร้างสรรค์ในยุคดิจิทัล

Generative AI คืออะไร

Generative AI คือ AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ เช่น ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอที่คล้ายกับที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยใช้โมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง Machine Learning (ML) ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน ตัวอย่างเช่น โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) และโมเดลมัลติโมดัล (Multimodal Models) ที่สามารถประมวลผลข้อมูลหลายประเภทพร้อมกันในการฝึกฝนโมเดล AI เพื่อให้สามารถสร้างข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักการทำงานของ Generative AI

Generative AI ทำงานโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และเครือข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) เพื่อสร้างเนื้อหาใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่เดิม หลักการทำงานของ Generative AI สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

อินโฟกราฟิกอธิบายหลักการทำงานของ Generative AI ซึ่งประกอบด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล สร้างเนื้อหาใหม่ ฝึกฝนโมเดล การปรับแต่งและการใช้งาน และการประเมินผลและการปรับปรุง

 Generative AI ทำงานอย่างไร

1. การเก็บรวบรวมและเตรียมข้อมูล (Data Collection and Preparation)
Artificial Intelligence ตัวนี้ต้องการข้อมูลจำนวนมากในการฝึกฝน โมเดลจะถูกป้อนข้อมูลที่มีอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ข้อความ ภาพ เสียง หรือวิดีโอ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้ในการฝึกฝนโมเดลเพื่อให้สามารถเรียนรู้รูปแบบและโครงสร้างของข้อมูลได้

2. การฝึกฝนโมเดล (Model Training)
มีการฝึกฝนโดย ใช้ เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก เช่น เครือข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) ที่มีหลายชั้น (Deep Neural Network) หรือเทคนิคเฉพาะทางเช่น Generative Adversarial Networks (GANs) และ Variational Autoencoders (VAEs) ในขั้นตอนนี้ โมเดลจะเรียนรู้จากข้อมูลที่ป้อนเข้าไปและปรับปรุงพารามิเตอร์ภายในเพื่อให้สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับข้อมูลต้นฉบับได้

3. การสร้างเนื้อหาใหม่ (Content Generation)
เมื่อโมเดลได้รับการฝึกฝนแล้ว มันจะสามารถ สร้าง เนื้อหาใหม่ได้จากการป้อนข้อมูลหรือคำสั่ง Prompt ที่กำหนด ตัวอย่างเช่น:

  • การสร้างข้อความ (Text Generation): โมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น GPT-3 หรือ GPT-4 สามารถสร้างข้อความที่มีความสมเหตุสมผลและคล้ายกับที่มนุษย์ เขียน ขึ้น
  • การสร้างภาพ (Image Generation): โมเดลเช่น DALL-E สามารถสร้างภาพจากคำอธิบายข้อความที่ป้อนเข้าไป
  • การสร้างเสียง (Audio Generation): โมเดลสามารถสร้างเสียงพูดหรือเสียงดนตรีจากข้อความหรือพารามิเตอร์ที่กำหนด
  • การสร้างวิดีโอ (Video Generation): โมเดลสามารถสร้างวิดีโอใหม่หรือปรับปรุงวิดีโอที่มีอยู่เดิมได้

4. การปรับแต่งและการใช้งาน (Fine-Tuning and Deployment)
โมเดลปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะด้าน ยกตัวอย่างเช่น การสร้างเนื้อหา Marketing การพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ การปรับแต่งนี้ช่วยให้โมเดลสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ

5. การประเมินผลและการปรับปรุง (Evaluation and Improvement)
หลังจากการสร้างเนื้อหาใหม่ โมเดลจะถูกประเมินผลเพื่อวัดความแม่นยำและคุณภาพของเนื้อหาที่สร้างขึ้น ข้อมูลที่ได้จากการประเมินจะถูกใช้ในการปรับปรุงโมเดลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ประเภทของ Generative AI มีอะไรบ้าง

Generative AI สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามการใช้งานและความสามารถในการสร้างเนื้อหาต่างๆ ดังนี้:

1. Text Generation
สามารถสร้างข้อความที่เหมือนกับมนุษย์เขียนขึ้นมา ใช้ในการเขียนบทความ โฆษณา หรือเนื้อหาสำหรับสื่อสังคมออนไลน์ ตัวอย่างเช่น ChatGPT, Bard, Jasper, Rytr, Notion AI ฯลฯ

2. Code Generation
ที่สามารถสร้างโค้ดจากคำอธิบายได้ ทำให้เขียนโค้ดได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความแม่นยำขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น GitHub Copilot, GhostWriter Replit และ ChatGPT เป็นต้น ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ต่อนักพัฒนาเป็นอย่างมาก

3. Image Generation
ที่สามารถสร้างรูปภาพจากการอธิบายข้อความ ทำให้เกิดการสร้างภาพที่สมจริง เช่น ภาพ Sketch ภาพ Art ภาพวาด และภาพ 3 มิติ ตัวอย่างเช่น DALL-E, Midjourney, Jasper Art และ อีกมากมาย

4. Music Generation
ที่สามารถสร้างหรือแต่งเพลงต้นฉบับใหม่ๆ โดยนักดนตรี โปรดิวเซอร์ หรือนักร้องสามารถใช้ประโยชน์จาก AI เหล่านี้ได้ ตัวอย่างเช่น Amper Music, Beetoven.ai และ Moises

5. Audio / Voice Generation
สามารถสร้างเสียงเลียนแบบให้ออกมาเหมือนกับมนุษย์พูด หรือที่เรียกว่า Text-to-Speech ตัวอย่างเช่น Murf.AI, Listnr และ Speechify

6. Video Generation
ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ ช่วยให้การทำงานด้านวิดีโอสะดวกขึ้น เช่น การสร้างวิดีโอใหม่หรือการปรับเปลี่ยนวิดีโอที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น InVideo, Snapbar และ Veed.io

7. Design Generation
ช่วยในการออกแบบต่างๆ เช่น ชิ้นงานโฆษณา โบรชัวร์ พรีเซ็นเทชั่น อินโฟกราฟิก โปสเตอร์ ตัวอย่างเช่น Designs.ai, Fronty AI, Fotor และ Colormind

Generative AI มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและสร้างสรรค์ในหลายอุตสาหกรรม โดยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานและการให้บริการ

ChatGPT เป็นตัวอย่างของ Generative AI อย่างไร

 โลโก้ ChatGPT พร้อมข้อความ "ChatGPT หนึ่งใน Generative AI ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด" บนพื้นหลังกราฟิกสไตล์เทคโนโลยีสีน้ำเงินเขียวแสดงถึงความทันสมัยและล้ำยุค

ChatGPT เป็นตัวอย่างของ Generative AI ที่มีความสามารถในการสร้างข้อความและเนื้อหาต่างๆ โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ผ่านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models) ที่เรียกว่า Generative Pre-trained Transformer (GPT) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท OpenAI

การทำงานของ ChatGPT ในฐานะ Generative AI

1. การเรียนรู้จากข้อมูลขนาดใหญ่
ChatGPTถูกฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยข้อความจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น หนังสือ บทความ และเว็บไซต์ ทำให้สามารถเข้าใจและสร้างข้อความที่มีความหลากหลายและซับซ้อนได้

2. การสร้างข้อความใหม่
สามารถสร้างข้อความใหม่ๆ ได้จากการป้อนคำสั่งหรือคำถามในภาษาธรรมชาติ (Natural Language) โดยใช้ความรู้ที่ได้จากการฝึกฝนเพื่อสร้างคำตอบที่เหมาะสมและมีความสมเหตุสมผล

3. การประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้าน

  • การสนทนาและการบริการลูกค้า: สามารถใช้เป็นแชทบอทในการตอบคำถามและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การสร้างคอนเทนต์: สามารถช่วยในการเขียนบทความ บทกวี หรือเนื้อหาต่างๆ สำหรับการตลาดและการสื่อสาร
  • การพัฒนาซอฟต์แวร์: สามารถช่วยในการเขียนโค้ดและแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้

4. ข้อจำกัดและการใช้งานร่วมกับมนุษย์
แม้ว่า ChatGPT จะสามารถสร้างเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคงมีข้อจำกัด เช่น การไม่เข้าใจบริบทหรือความหมายเชิงลึกของข้อความที่สร้างขึ้น ดังนั้น การใช้งานปัญญาประดิษฐ์นี้มักจะต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงโดยมนุษย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


ChatGPT เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ Generative AI ที่สามารถสร้างข้อความและเนื้อหาใหม่ๆ ได้จากการเรียนรู้ข้อมูลขนาดใหญ่และการใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก ทำให้มีความสามารถในการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้าน ทั้งการสนทนา การสร้างคอนเทนต์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงโดยมนุษย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุด

แนวทางการทำงานที่เปลี่ยนไป เมื่อมี Generative AI เข้ามา

Generative AI กำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในด้านการผลิต การบริการลูกค้า การออกแบบ และการพัฒนาซอฟต์แวร์ ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละอุตสาหกรรม:

1. อุตสาหกรรมการผลิต
ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ตัวอย่างเช่น:

  • การสร้างโค้ดและการออกแบบ: ช่วยในการสร้างโค้ดและการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยใช้ภาษาธรรมชาติในการสั่งงาน ทำให้กระบวนการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์รวดเร็วขึ้น
  • การจำลองและการทดสอบ: การใช้ Digital Twin ที่เป็น เครื่องมือ Generative AI ช่วยให้สามารถจำลองและทดสอบกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์: สามารถใช้ทำนายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรและแนะนำการบำรุงรักษาล่วงหน้า
  • การควบคุมคุณภาพ: ช่วยในการตรวจสอบคุณภาพและลดข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์

2. การบริการลูกค้า

  • Chatbot: สามารถสร้างแชทบอทที่ตอบสนองได้เหมือนมนุษย์ ทำให้ ช่วยลดภาระงานของพนักงานและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
  • ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า: เช่น Zendesk ที่ใช้ในการแนะนำคำตอบที่สมบูรณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพิมพ์
  • การบันทึกโน้ตอัตโนมัติ: เช่น Sprinklr ที่ช่วยบันทึกข้อมูลสำคัญระหว่างการสนทนากับลูกค้า
  • การวิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้า: เช่น Talkdesk ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้าเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การบริการ

3. การแพทย์และการดูแลสุขภาพ

  • การวินิจฉัยและการรักษา: ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์และให้คำแนะนำในการวินิจฉัยและการรักษา
  • การค้นคว้ายาใหม่: ช่วยในการค้นคว้าและพัฒนายาใหม่ๆ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์
  • การสร้างข้อมูลทางการแพทย์สังเคราะห์: สามารถสร้างข้อมูลสังเคราะห์เพื่อใช้ในการวิจัยและฝึกอบรม

4. การพัฒนาซอฟต์แวร์

  • การเขียนโค้ดอัตโนมัติ: สามารถช่วยนักพัฒนาในการเขียนโค้ดและแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • การทดสอบและการ Debug: ช่วยในการทดสอบและตรวจสอบโค้ดเพื่อหาข้อผิดพลาดและปรับปรุงคุณภาพ
  • การสร้างเอกสารอัตโนมัติ: สามารถสร้างเอกสารประกอบการใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็ว

5. การออกแบบและการสร้างสรรค์

  • การออกแบบกราฟิกและภาพประกอบ: สามารถสร้างภาพและกราฟิกที่มีคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้นักออกแบบสามารถโฟกัสที่ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
  • การสร้างเนื้อหา: ช่วยในการเขียนบทความ บทกวี และเนื้อหาต่างๆ สำหรับการตลาดและการสื่อสาร

Infographic เกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในงานด้านต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต การบริการลูกค้า การแพทย์และการดูแลสุขภาพ การพัฒนาซอฟต์แวร์ และการออกแบบและการสร้างสรรค์


Generative AI กำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานในหลายอุตสาหกรรม โดยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และนวัตกรรม ช่วยให้ธุจกิจต่าง ๆ สามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Generative AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์อย่างไร

นอกจากนี้ AI เชิงสร้างสรรค์ยังมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์

1. การควบคุมคุณภาพ (Quality Control)
สามารถสร้างข้อมูลสังเคราะห์ที่แสดงถึงข้อบกพร่องต่างๆ บนแผงวงจรพิมพ์ (PCBs) ข้อมูลนี้สามารถใช้ฝึกฝนระบบการตรวจสอบคุณภาพด้วยการมองเห็น (Visual Quality Inspection, VQI) ที่ใช้ AI ซึ่งสามารถตรวจจับข้อบกพร่องที่ละเอียดอ่อนได้อย่างแม่นยำ ช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และลดอัตราการเสียหาย

2. การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance)
สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ของเครื่องจักรเพื่อระบุรูปแบบที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายล่วงหน้า ทำให้สามารถวางแผนการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ได้ ช่วยลดเวลาหยุดทำงานของเครื่องจักรและเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์

3. การสร้างแบบจำลองดิจิทัล (Digital Twins)
สามารถสร้างการจำลองสถานการณ์การผลิตต่างๆ โดยใช้แบบจำลองดิจิทัล (Digital Twins) ซึ่งเป็นการจำลองเสมือนของระบบจริง ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถระบุคอขวด ทดสอบการกำหนดค่าใหม่ และปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยไม่ต้องหยุดสายการผลิตจริง

4. การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)
สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการออกแบบ โดยวิเคราะห์ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และความต้องการของผู้ใช้ เพื่อเสนอแนวคิดการออกแบบใหม่ๆ หรือการปรับปรุงแบบเดิม ช่วยเร่งกระบวนการนวัตกรรมและนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

5. การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management)
สามารถวิเคราะห์ข้อมูลประวัติและแนวโน้มตลาดเพื่อพยากรณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้ผลิตสามารถจัดหาชิ้นส่วนที่สำคัญล่วงหน้าและปรับแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. การออกแบบชิป (Chip Design)
ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Gen AI สามารถช่วยในการออกแบบชิป โดยการสร้างข้อมูลสังเคราะห์เพื่อฝึกฝนระบบ AI ที่ใช้ในการตรวจจับข้อบกพร่องและปรับปรุงกระบวนการออกแบบชิป ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาชิปใหม่

7. การพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development)
AI อย่าง GitHub Copilot สามารถช่วยนักพัฒนาในการเขียนโค้ดและแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ภาษาธรรมชาติในการสื่อสารกับ AI

ผลกระทบของ Generative AI ต่อมนุษย์

 ผลกระทบของ Generative AI ต่อมนุษย์ในด้านการทำงานและอาชีพ ชีวิตประจำวัน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และความท้าทายและข้อกังวล

Generative AI ส่งผลต่อมนุษย์ในหลายด้าน ทั้งในแง่ของการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนี้:

1. การทำงานและอาชีพ

AI เชิงสร้างสรรค์มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในหลายอุตสาหกรรม โดยสามารถทำงานที่ซับซ้อนและใช้เวลานานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น:

  • การพัฒนาซอฟต์แวร์: ช่วยในการเขียนโค้ดและการทดสอบซอฟต์แวร์ ทำให้นักพัฒนาสามารถทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การบริการลูกค้า: ช่วยสร้าง AI Chatbot ที่สามารถตอบคำถามและแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • การตลาดและการโฆษณา: ช่วยในการสร้างเนื้อหาการตลาด หรือ Content marketing ที่มีความเป็นส่วนตัวและตรงกับความต้องการของลูกค้า

2. การใช้ชีวิตประจำวัน

AI เชิงสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในหลายด้าน เช่น:

  • การแพทย์และการดูแลสุขภาพ: ช่วยในการวินิจฉัยโรค การพัฒนายาใหม่ และการสร้างข้อมูลทางการแพทย์สังเคราะห์ ทำให้การรักษามีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การขนส่ง: ช่วยในการจัดการจราจร การวางแผนเส้นทาง และการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ ทำให้การเดินทางมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม

AI เชิงสร้างสรรค์มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรมในหลายด้านของเศรษฐกิจและสังคม เช่น:

  • ด้านการผลิต: ช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ การควบคุมคุณภาพ และการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดต้นทุน
  • ด้านการเงิน: ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน การตรวจจับการทุจริต และการจัดการความเสี่ยง ทำให้การตัดสินใจทางการเงินมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ความท้าทายและข้อกังวล

แม้ว่า Generative AI จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายและข้อกังวลที่ต้องพิจารณา เช่น:

  • ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล: การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลอาจเสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล
  • ความเท่าเทียมและความยุติธรรม: การพัฒนาและการใช้งาน AI ต้องคำนึงถึงความเท่าเทียมและความยุติธรรม เพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติหรือความไม่เป็นธรรม

แนวโน้มของ Generative AI ในอนาคต

แนวโน้มของ Generative AI ในอนาคต: บทบาทสำคัญในการสร้างเนื้อหาและนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการแก้ไขปัญหาในหลายภาคส่วน

แนวโน้มของAI เชิงสร้างสรรค์ในอนาคตนั้นมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและสร้างสรรค์ในหลายอุตสาหกรรม โดยมีแนวโน้มสำคัญดังนี้:

1. การพัฒนาโมเดลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และการเพิ่มขึ้นของข้อมูลขนาดใหญ่ จะทำให้โมเดล Generative AI มีประสิทธิภาพและความแม่นยำมากขึ้น สามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น

2. การประยุกต์ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม
ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์จะถูกนำไปประยุกต์ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การผลิต การแพทย์ การศึกษา ความบันเทิง และการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

3. การร่วมมือระหว่าง AI และมนุษย์ (Human-AI Collaboration)
แนวโน้มในอนาคตจะเน้นการร่วมมือระหว่าง AI และมนุษย์มากขึ้น โดย AI จะทำหน้าที่สร้างและประมวลผลข้อมูล ในขณะที่มนุษย์จะทำหน้าที่ตรวจสอบ ควบคุม และตัดสินใจขั้นสุดท้าย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุด

4. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Generative AI
จะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานGenerative AI เช่น ระบบคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง เครือข่ายที่รวดเร็ว และระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการประมวลผลและการเรียนรู้ของ AI

5. การเพิ่มขึ้นของการใช้งานในอุปกรณ์ปลายทาง
Generative AI จะถูกนำมาใช้งานในอุปกรณ์ปลายทาง เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์ไร้สาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

6. การพัฒนาระบบจริยธรรมและความปลอดภัย
เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยและผลกระทบด้านจริยธรรมของ AI จะมีการพัฒนาระบบจริยธรรมและความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อควบคุมและกำกับดูแลการใช้งาน Generative AI ให้เป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ

7. การเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ๆ 
Generative AI จะนำไปสู่การเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา การให้บริการ และการประยุกต์ใช้งาน AI เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น

สุดท้ายนี้ Generative AI คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในหลายอุตสาหกรรม และมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของมนุษย์ในหลายด้าน แต่ก็ต้องมีการพัฒนา ควบคุมดูแลอย่างเหมาะสม และใช้งานอย่างระมัดระวังเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น

หากไม่อยากพลาดความรู้ดี ๆ แบบนี้ สามารถติดตาม Prompt Expert ตามช่องทางด้านล่างได้เลย

Website: prompt-expert.co

Facebook Page: Prompt-Expert

Read more

ทำความรู้จักกับ Pictory AI แพลตฟอร์มสำหรับสร้างวิดีโออัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องมีทักษะการตัดต่อก็สามารถสร้างวิดีโอคุณภาพสูงได้

Article

ทำความรู้จักกับ Pictory AI สร้างวิดีโอสุดล้ำ ตัดต่อไม่เป็นก็สร้างวิดีโอได้

Pictory เป็นเครื่องมือสร้างวิดีโอด้วย AI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงข้อความเป็นวิดีโอคุณภาพสูงได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ

By
Stable Diffusion พร้อมวิธีใช้อย่างละเอียด! ภาพแสดงรถซุปเปอร์คาร์สีเขียวในเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสูงและไฟนีออนในยามค่ำคืน

Article

Stable Diffusion คืออะไร สุดยอด AI สร้างภาพ พร้อมวิธีใช้อย่างละเอียด!

ลองนึกภาพว่าถ้าคุณสามารถวาดภาพได้ด้วยคำพูด เพียงแค่บรรยายสิ่งที่คุณเห็นในหัว แล้วมันก็ปรากฏเป็นภาพตรงหน้าคุณ มันคงจะสุดยอดมาก ๆ เลยใช่ไหม? และนี่เองคือสิ่งที่ Stable Diffusion สามารถทำได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นศิลปิน นักการตลาด นักพัฒนาเกม หรือแค่

By
วิธีใช้ Midjourney AI สร้างงานศิลปะอย่างง่ายทีละขั้นตอน ผู้หญิงแต่งชุดแฟนตาซีอ่านหนังสือในป่า

Article

ขั้นตอนการใช้ Midjourney AI แบบ Step-by-step สร้างงานศิลปะง่ายๆด้วยปลายนิ้ว

Midjourney AI เป็นเครื่องมือสร้างภาพศิลปะด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังได้รับความนิยม ใช้งานง่ายผ่าน Discord แค่พิมพ์คำอธิบายภาพ AI จะสร้างภาพให้ภายในไม่กี่นาที ปรับแต่งและดาวน์โหลดได้ทันที เหมาะสำหรับนักออกแบบ นักการตลาด และผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะดิจิทัล

By