การหยุดชะงักของระบบ IT ทำให้ธุรกิจสูญเสียเงิน 76 ล้านดอลลาร์ต่อปี

ผลการศึกษาจาก New Relic เผยการหยุดชะงักของระบบ IT ทำให้ธุรกิจสูญเสียเงินมัธยฐาน 76 ล้านดอลลาร์ต่อปี หรือ 33,333 ดอลลาร์ต่อนาที พร้อมเผยสาเหตุหลักและแนวทางแก้ไข

การหยุดชะงักของระบบ IT ทำให้ธุรกิจสูญเสียเงิน 76 ล้านดอลลาร์ต่อปี

Key takeaway

  • การหยุดชะงักของระบบ IT สร้างความเสียหายทางการเงินอย่างมหาศาล โดยธุรกิจสูญเสียเงินมัธยฐานถึง 76 ล้านดอลลาร์ต่อปี และทุกนาทีที่ระบบล่มจะสูญเสียเงิน 33,333 ดอลลาร์
  • สาเหตุหลักของการหยุดชะงักมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความล้มเหลวของเครือข่าย, ปัญหาจากผู้ให้บริการคลาวด์, และการอัปเดตซอฟต์แวร์ภายในองค์กร โดยวิศวกรต้องใช้เวลาถึง 33% ของเวลาทำงานในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้
  • แนวโน้มการแก้ไขปัญหาในอนาคตจะมุ่งเน้นการใช้เครื่องมืออัตโนมัติและระบบ observability มากขึ้น โดยเฉพาะการนำ AI มาช่วยในการตรวจจับและแก้ไขปัญหา เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ทุกนาทีที่ระบบ IT หยุดชะงักและทำให้การดำเนินงานหยุดลง ธุรกิจต้องสูญเสียเงินมัธยฐานถึง 33,333 ดอลลาร์ ตามการศึกษาที่เผยแพร่เมื่อวันพุธโดย New Relic ผู้ผลิตแพลตฟอร์ม observability สำหรับ tech stack จากการสำรวจผู้บริหารด้าน IT และวิศวกรรม 1,700 คน พบว่าการหยุดชะงักของระบบ IT ทำให้ธุรกิจสูญเสียเงินมัธยฐานถึง 76 ล้านดอลลาร์ต่อปี

การหยุดชะงักของระบบไม่เพียงสร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังสูญเสียทรัพยากรด้านเวลาอีกด้วย โดยประมาณ 41% ของผู้นำด้าน IT รายงานว่าพบปัญหาบริการ IT ผ่านการตรวจสอบด้วยตนเอง การร้องเรียนของลูกค้า หรือ incident tickets ทั้งนี้ วิศวกรต้องใช้เวลาถึง 33% ของเวลาทำงานทั้งหมดในการแก้ไขปัญหาการหยุดชะงักดังกล่าว

สาเหตุหลักของการหยุดชะงัก

ปัจจัยสำคัญสามประการที่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักของระบบ IT ได้แก่:

  1. ความล้มเหลวของเครือข่าย
  2. ความล้มเหลวของบริการจากบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการคลาวด์
  3. การปรับใช้การเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์ภายในองค์กร

ในโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจาย การกำหนดค่าที่ไม่ถูกต้องมักสร้างผลกระทบแบบลูกโซ่ไปยังระบบหลายระบบ ก่อให้เกิดการหยุดชะงักที่มีต้นทุนสูง นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของการนำ AI มาใช้ในองค์กรยังอาจสร้างความท้าทายด้านการมองเห็นและติดตามปัญหาสำหรับผู้นำด้าน IT เมื่อเกิดเหตุขัดข้อง

ปัญหาการขาดการมองเห็นในการหยุดชะงักของระบบ IT เกิดขึ้นในช่วงที่องค์กรกำลังเร่งนำ generative และ agentic AI มาใช้งาน ซึ่งอาจทำให้ปัญหาแฝงตัวและลุกลามอย่างเงียบๆ ผ่าน tech stack ขององค์กร

แนวโน้มการแก้ไขปัญหา

ความต้องการระบบการมองเห็นที่แม่นยำและละเอียดกำลังผลักดันให้ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีหันไปใช้เครื่องมืออัตโนมัติมากขึ้น ตามที่ Parker Hathcock ผู้อำนวยการวิจัยที่ Enterprise Management Associates กล่าว

"เมื่อองค์กรดำเนินการที่ซับซ้อนมากขึ้นกับระบบ IT การหยุดชะงักจะส่งผลกระทบรุนแรงขึ้นและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น" Hathcock กล่าวกับ CIO Dive "องค์กรต้องสามารถมองเห็น ติดตามสิ่งที่เกิดขึ้น และสืบค้นต้นตอของปัญหาย้อนกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ปัจจุบัน CIO กำลังประเมินแนวทางเชิงรุกสำหรับการจัดการการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น AI agents ที่รวมเครื่องมือ observability เข้าไว้ด้วยกันมากขึ้น ตามที่ Stephen Elliot รองประธานกลุ่มด้านการปฏิบัติการ IT และการปฏิบัติการคลาวด์ที่ IDC กล่าว

ผลกระทบทางการเงิน

นอกเหนือจากการสูญเสียทางการเงินโดยตรง การหยุดชะงักของ IT ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องอื่นๆ รวมถึงค่าปรับตามกฎระเบียบ และราคาหุ้นที่ลดลงเฉลี่ย 2.5% โดยมีระยะเวลาฟื้นตัวยาวนานถึง 79 วัน ตามรายงานของ Splunk ที่เผยแพร่ในปี 2024

ตัวอย่างที่สำคัญ:

  • การอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผิดพลาดของ CrowdStrike ในเดือนกรกฎาคม 2024 ทำให้ระบบ Windows กว่า 8 ล้านเครื่องล่ม ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินทั่วโลก และทำให้บริษัทใน Fortune 500 สูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากธุรกรรมทางการเงินล่าช้าและการดำเนินงานหยุดชะงัก
  • Southwest Airlines ประสบกับการสูญเสียรายได้ประมาณ 725 ล้านดอลลาร์ พร้อมค่าปรับทางแพ่งเพิ่มเติมอีก 140 ล้านดอลลาร์ หลังจากความล้มเหลวในการดำเนินงานที่นำไปสู่การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากในเดือนธันวาคม 2022

"จากมุมมองของผู้ที่ปฏิบัติงานในสายงานนี้ การหยุดชะงักของ IT เป็นปัญหาใหญ่และเป็นสิ่งที่พวกเขาเห็นว่ากัดกินทั้งประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการ" Hathcock กล่าวสรุป

Why it matters

💡 ข่าวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เนื่องจากนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่น่าตกใจเกี่ยวกับผลกระทบทางการเงินจากการหยุดชะงักของระบบ IT ซึ่งสร้างความเสียหายมากถึง 76 ล้านดอลลาร์ต่อปี บทความนี้ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงความสูญเสียทางการเงิน แต่ยังนำเสนอสาเหตุหลัก แนวโน้มการแก้ไขปัญหา และกรณีศึกษาจริงที่จะช่วยให้องค์กรเตรียมพร้อมรับมือและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.ciodive.com/news/IT-outages-cost-new-relic/760575/

Read more

ชายวัย 29 ปีถูกจับกุมหลังใช้ ChatGPT สร้างภาพไฟไหม้ก่อนก่อเหตุจริง

news

ชายวัย 29 ปีถูกจับกุมหลังใช้ ChatGPT สร้างภาพไฟไหม้ก่อนก่อเหตุจริง

ตำรวจจับกุม Jonathan Rinderknecht วัย 29 ปี ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุไฟไหม้ใน Pacific Palisades หลังพบหลักฐานใช้ ChatGPT สร้างภาพเหตุการณ์ล่วงหน้า 5 เดือน เหตุคร่าชีวิต 12 ราย บ้านเสียหายกว่า 6,000 หลัง

By
โรงพยาบาลจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่ใช้ AI

news

โรงพยาบาลจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่ใช้ AI

ภัยคุกคามจากการโจมตีฟิชชิ่งที่ใช้ AI ในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นกว่า 700% ในปี 2024 สร้างความเสี่ยงต่อข้อมูลผู้ป่วยและระบบสาธารณสุข จำเป็นต้องเพิ่มการฝึกอบรมและระบบป้องกันอย่างเร่งด่วน

By
อดีตนักวิจัย OpenAI วิเคราะห์หนึ่งในการตอบสนองที่หลุดโลกของ ChatGPT

news

อดีตนักวิจัย OpenAI วิเคราะห์หนึ่งในการตอบสนองที่หลุดโลกของ ChatGPT

อดีตนักวิจัย OpenAI เปิดเผยผลวิเคราะห์กรณี ChatGPT นำผู้ใช้สู่ภาวะหลงผิด พบว่า AI แสดงการเห็นด้วยและยืนยันความพิเศษของผู้ใช้ในอัตราสูง พร้อมเสนอแนวทางป้องกันปัญหา

By
ไมโครซอฟท์เผย AI สามารถสร้างภัยคุกคามทางชีวภาพ "zero day" ได้

news

ไมโครซอฟท์เผย AI สามารถสร้างภัยคุกคามทางชีวภาพ "zero day" ได้

ทีมวิจัยไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า AI สามารถค้นพบช่องโหว่แบบ "zero day" ในระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่ใช้ป้องกันการนำ DNA ไปใช้ในทางที่ผิด สะท้อนความท้าทายด้านความปลอดภัยในยุค AI

By