71% ของชาวอเมริกันกังวลว่า AI จะทำให้ผู้คนตกงานถาวรมากเกินไป
ผลสำรวจล่าสุดจาก Reuters และ Ipsos เผย 71% ของชาวอเมริกันกังวล AI จะทดแทนแรงงานถาวร พร้อมแสดงความกังวลต่อผลกระทบด้านการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการใช้พลังงาน

Key takeaway
- ผลสำรวจชี้ชัด 71% ของชาวอเมริกันกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์อย่างถาวร โดยเฉพาะในงานด้านการประมวลผลข้อมูลและการสื่อสาร เช่น นักแปลและพนักงานบริการลูกค้า
- ความกังวลด้านการเมืองมีสูงถึง 77% โดยเฉพาะประเด็นการใช้ AI จากประเทศคู่แข่งในการสร้าง Deepfake และการปลอมแปลงเสียง ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางการเมือง
- ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความกังวลในประเด็นอื่นๆ ด้วย โดย 66% กังวลเรื่องผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจาก AI Companions และ 61% กังวลเรื่องการใช้พลังงานของ AI
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่แสดงความกังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก AI ในหลายด้าน โดยเฉพาะตลาดแรงงานและเสถียรภาพทางการเมือง ตามผลสำรวจล่าสุดโดย Reuters และ Ipsos
การสำรวจที่ศึกษาความคิดเห็นของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจำนวน 4,446 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามกลัวว่า AI จะเข้ามาแทนที่แรงงานชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากเกินไปอย่าง "ถาวร" ผลการศึกษานี้สอดคล้องกับงานวิจัยล่าสุดจากนักวิจัยของ Microsoft ซึ่งระบุประเภทงานที่มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วย AI โดยงานด้านการประมวลผลข้อมูลและการสื่อสาร เช่น นักแปลและพนักงานบริการลูกค้า ติดอันดับต้นๆ ของรายการ
นอกจากนี้ ผู้นำในวงการเทคโนโลยีหลายราย รวมถึง Dario Amodei CEO ของ Anthropic, Sam Altman CEO ของ OpenAI และ Andy Jassy CEO ของ Amazon ต่างคาดการณ์ว่าเทคโนโลยี AI ที่บริษัทของพวกเขากำลังพัฒนาอาจทดแทนแรงงานมนุษย์จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน ผลกระทบที่เห็นได้ชัดของ AI ต่อตลาดแรงงานยังมีจำกัด ยกเว้นบางกรณี เช่น บัณฑิตจบใหม่ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่เริ่มประสบปัญหาในการหางานในภาคเทคโนโลยีมากขึ้น
ความกังวลอื่นๆ: การเมือง ความสัมพันธ์ และพลังงาน
ผลการสำรวจของ Reuters/Ipsos ยังพบว่าชาวอเมริกันจำนวนมากระมัดระวังเกี่ยวกับการเติบโตของ AI ในด้านอื่นๆ ด้วย
มากกว่าสามในสี่ (77%) ของผู้ตอบแบบสอบถามกังวลเกี่ยวกับ "ความปั่นป่วนทางการเมืองที่เกิดจากประเทศคู่แข่งของสหรัฐฯ" ที่ใช้เครื่องมือ AI ตามรายงานของ Reuters
ความกังวลดังกล่าวมีมูลความจริง เนื่องจากปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยภาพและวิดีโอ deepfake ที่แสดงให้เห็นบุคคลสำคัญทำสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำจริง ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี text-to-speech ที่ซับซ้อนมากขึ้นทำให้การเลียนแบบเสียงของบุคคลจริงทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้ไม่หวังดีและมิจฉาชีพบางรายเริ่มนำไปใช้ประโยชน์
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา OpenAI ได้เผยแพร่รายงานประจำปีล่าสุดซึ่งระบุผลการค้นพบเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ไม่หวังดีทั่วโลกใช้เทคโนโลยีของบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตราย หนึ่งในกรณีที่นำเสนอในรายงานเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการที่มีแนวโน้มว่ามาจากจีน ซึ่งมีการใช้ ChatGPT เพื่อสร้างโพสต์และความคิดเห็นปลอมบนโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างแรงสนับสนุนจากผู้ใช้มนุษย์ในประเด็นทางการเมืองที่มีการถกเถียง เช่น การยุบ USAID
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของ AI companions (66%) และผลกระทบด้านการใช้พลังงานของเทคโนโลยีนี้ (61%)
Why it matters
💡 ข่าวนี้นำเสนอผลสำรวจล่าสุดที่สะท้อนความกังวลของชาวอเมริกันต่อผลกระทบของ AI ในหลายมิติสำคัญ ทั้งการทดแทนแรงงาน ความมั่นคงทางการเมือง และผลกระทบทางสังคม โดยมีข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถืออย่าง Reuters และ Ipsos รวมถึงความเห็นจากผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นจาก AI และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง
ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.zdnet.com/article/71-of-americans-fear-that-ai-will-put-too-many-people-out-of-work-permanently/